ปัญหา พระพุทธพจน์ที่ว่า ภิกษุมีจิตเป็นสมาธิแล้วย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริง หมายความว่ารู้อะไร ?
พุทธดำรัสตอบ
“…..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมรู้ชัดซึ่งความเกิดและความดับแห่งรูป…เวทนา…สัญญา… สังขาร…วิญญาณ
“…..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเป็นความจริงแห่งรูป…เวทนา…สัญญา… สังขาร…วิญญาณ ?
“…..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลในโลกนี้ย่อมเพลิดเพลินหลงใหล ดื่มด่ำอยู่ในรูป…เวทนา…สัญญา… สังขาร…วิญญาณ เมื่อเพลิดเพลินหลงใหล ดื่มด่ำอยู่ในรูป (เป็นต้น) ความยินดีพอใจก็เกิดขึ้น ความยินดีพอใจในรูป (เป็นต้นนั้น) เป็นอุปาทาน เพราะอุปาทานของบุคคลนั้นเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงมีความแก่ ความตาย ความโศก ความคร่ำครวญ ความทุกข์ ความขัดเคือง ความตรอมตรมใจ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวล ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
“…..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเป็นความดับแห่งรูป…เวทนา…สัญญา… สังขาร…วิญญาณ ?
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมไม่เพลิดเพลิน ไม่หลงใหล ไม่ดื่มด่ำใน รูป(เป็นต้น) เมื่อเธอไม่เพลิดเพลิน ไม่หลงใหล……. ความยินดีในรูป(เป็นต้นนั้น) ย่อมดับไป เพราะความยินดีของภิกษุนั้นดับไป อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ความแก่ ความตาย ความโศก ความคร่ำครวญ… จึงดับไป ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวล ย่อมมีด้วยประการฉะนี้”
สมาธิสูตร ขันธ. สํ. (๒๗-๒๙)
ตบ. ๑๗ : ๑๗-๑๙ ตท. ๑๗ : ๑๕-๑๖
ตอ. K.S. ๓ : ๑๕-๑๖